แจกสูตรบาร์ฟแมวทำเองแบบไม่มีกั๊ก

Kyosane สนับสนุนการให้บาร์ฟอย่างเต็มที่ 

วันนี้เราเลยจะมาแบ่งปันสูตรอาหารบาร์ฟสำหรับแมว

เพื่อเอาใจทาสแมวตัวยง

ครั้งหนึ่งในชีวิต เราอยากให้คุณลองทำดู 

แล้วคุณจะรู้ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนกับสิ่งที่ได้มา

หากคุณไม่เคยทำบาร์ฟเองมาก่อน 

ไม่ต้องห่วง เราบอกสูตรอาหารและวิธีทำแบบละเอียดยิบ

ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักหลักการทำบาร์ฟเบื้องต้นก่อน

เริ่มจาก ปริมาณและสัดส่วน

อาหารบาร์ฟที่เหมาะสมสำหรับแมวจะต้องมีสัดส่วนประมาณนี้

70 - 80% เนื้อ (Muscle Meat)

10% - 15% กระดูก (Bone)

10% - 15% เครื่องใน (Offal) โดย 5% ต้องเป็นตับ

ไม่เกิน 5% ผักและผลไม้ (Fruit and Vegetable) >>> มีหรือไม่มีเลยก็ได้

ไม่เกิน 5% อาหารเสริม วิตามิน (Supplements)

แนะนำก่อนทำบาร์ฟ 

• ใครที่ขวัญอ่อน กลัวเลือด กลัวเครื่องใน เราแนะนำให้ซื้อบาร์ฟแบบสำเร็จรูปจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง
• ขอให้ทำใจเรื่องกลิ่นคาวของอาหาร โดยเฉพาะหัวใจไก่ กลิ่นจะแรงเป็นพิเศษ
• ให้ใส่ผ้ากันเปื้อนก่อนลงมือทำบาร์ฟ หรือ ใส่เสื้อผ้าสีเข้ม เพราะเวลาผสมอาหารอาจมีเลือดกระเซ็น 
• เตรียมพื้นที่ในตู้เย็นเผื่อไว้เยอะๆ โดยเฉพาะช่องแช่แข็ง >>> เยอะแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับปริมาณบาร์ฟที่จะทำ
• ควรทำอาหารบาร์ฟในที่ร่ม เลี่ยงแสงแดด เลี่ยงความร้อนชื้น เพราะอาหารสดจะบูดง่ายขึ้น
• ถ้าเป็นไปได้ ควรซื้อเนื้อเป็นชิ้นแล้วมาบดเองดีกว่าซื้อแบบบดสำเร็จรูปแล้ว เพื่อลดความเสี่ยงจากแบคทีเรียที่ปนเปื้อนกับเนื้อที่บดทิ้งไว้นานแล้ว
• เตรียมอุปกรณ์หลักให้ครบ เช่น เครื่องบด หรือ เครื่องปั่น เครื่องชั่งน้ำหนัก และ โถผสมอาหารขนาดใหญ่
• เตรียมภาชนะไว้เก็บอาหารบาร์ฟให้เพียงพอ แนะนำให้ใช้ขนาดที่เหมาะกับปริมาณที่ต้องให้ใน 1 วัน 

เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนลงมือทำ

แจกสูตรบาร์ฟแมว ฟรี!

มี 2 สูตรด้วยกัน

1. สูตรไก่แบบมีกระดูก (สูตรแนะนำ)

2. สูตรไก่แบบไม่มีกระดูก (เหมาะสำหรับแมวทานยาก / ต้องป้อน)

เริ่มจากสูตรมีกระดูกก่อนละกัน

สูตรนี้ทำออกมาจะได้อาหารแมวปริมาณ 4.5 kg – 5kg

ทานได้ประมาณ 30 วัน ต่อแมว 1 ตัว

สิ่งที่ต้องมี: 

• เครื่องปั่นอาหาร
• โถผสมอาหารขนาดใหญ่
• ภาชนะเก็บอาหารบาร์ฟ (ขนาดเลือกตามชอบ แต่โดยรวมต้องเก็บได้ 5000ml)
• เครื่องบดเนื้อ เบอร์ 12 เป็นต้นไป (สำคัญมากเพราะแมวส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบแทะกระดูก บดให้ทานเลยง่ายกว่า)

เครื่องบดเนื้อ เบอร์ 12
ในรูปเป็นแบบ 2 in 1 คือทำได้ทั้งบดและหั่นเนื้อเป็นแผ่นบางๆ ได้
แต่เราจะใช้เฉพาะบดอาหาร

สำหรับมือใหม่ ดูรายละเอียดวิธีใช้เครื่องบดเนื้อได้ที่นี่

วัตถุดิบอาหาร (ที่ต้องมี)

*หากไม่สะดวกบดปลายปีกไก่เอง สามารถทดแทนได้ด้วยโครงไก่บดสำเร็จรูป

**ต้องใส่เสริม ถ้าไม่ใส่หัวใจไก่ 

อาหารเสริมใส่ได้ก็ดี แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร 

(ใส่ทั้งหมดพร้อมกันได้)

วิธีทำ

1. หากใช้อกไก่แบบมีหนัง ให้ลอกหนังไก่ออกก่อน แล้วหั่นอกไก่เป็นชิ้นเล็กๆ ส่วนนึงไว้ให้แมวเคี้ยวเอง ส่วนที่เหลือหั่นไว้เพื่อเอาไปบด/ปั่น ให้ละเอียด

2. เริ่มบด/ปั่น อกไก่ลอกหนัง หัวใจไก่ ตับไก่ และปลายปีกไก่

3. นำอาหารเสริมที่จะใส่ไปปั่นรวมกัน ก่อนนำมาผสมกับเนื้อที่บดแล้ว

(ถ้าใส่วิตามินบี แนะนำให้ใส่ในถุงพลาสติกแล้วทุบให้เม็ดแตกเป็นผงก่อนเอาไปผสม) 

4. ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ค่อยๆ เติมน้ำดื่มเพื่อให้ผสมง่ายขึ้น

5. นำไปบรรจุในกล่องอาหาร กล่องแก้วหรือพลาสติกก็ได้ 

* เราใช้กล่องขนาด 100ml ปริมาณพอเหมาะสำหรับอาหาร 2 มื้อใน 1 วัน / ต่อแมว 1 ตัว

** ใครมีเครื่องชั่งน้ำหนักจะตวงให้น้ำหนักเท่ากันทุกกล่องด้วยก็ดีนะ จะได้รู้ปริมาณอาหารที่แน่นอน

6. นำไปแช่ตู้เย็นช่องแช่แข็งทันที เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ

หากใครไม่สะดวกบดอาหารเองที่บ้าน

หรือแมวที่บ้านทานยาก ต้องป้อน ค่าไตสูง แนะนำให้ทำ

สูตรไก่แบบไม่มีกระดูก

สูตรนี้ทำออกมาจะได้อาหารแมวปริมาณ 5.1kg – 5.6kg

ทานได้ประมาณ 30-35 วัน ต่อแมว 1 ตัว

สิ่งที่ต้องมี: 

• เครื่องปั่นอาหาร
• โถผสมอาหารขนาดใหญ่
• ภาชนะเก็บอาหารบาร์ฟ (ขนาดเลือกตามชอบ แต่โดยรวมต้องเก็บได้ 5600ml)

วัตถุดิบอาหาร (ที่ต้องมี)

*ต้องใส่เสริมเพื่อป้องกันการขาดแคลเซียม เนื่องจากสูตรนี้ไม่มีกระดูก

**ต้องใส่เสริม ถ้าไม่ใส่หัวใจไก่ 

สำคัญมาก! สูตรนี้ต้องใส่ Calcium Carbonate เพื่อทดแทนกระดูกที่หายไป

อาหารเสริมใส่ได้ก็ดี แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร 

(ใส่ทั้งหมดพร้อมกันได้)

วิธีทำ 

ไม่ต่างจากสูตรมีกระดูกมากนัก นอกจากเปลี่ยนส่วนผสม ไม่ใส่ปลายปีกไก่แต่เติมแคลเซียมเข้าไปทดแทน

1. หากใช้อกไก่แบบมีหนัง ให้ลอกหนังไก่ออกก่อน แล้วหั่นอกไก่เป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อเอาไปปั่นให้ละเอียด

2. ปั่น อกไก่ลอกหนัง หัวใจไก่ และ ตับไก่ ผสมให้เข้ากันในโถผสม

3. นำอาหารเสริมที่จะใส่ไปปั่นรวมกัน ก่อนนำมาผสมกับเนื้อที่ปั่นแล้ว

(ถ้าใส่วิตามินบี แนะนำให้ใส่ในถุงพลาสติกแล้วทุบให้เม็ดแตกเป็นผงก่อนเอาไปผสม) 

*สำคัญมาก อย่าลืมผสม แคลเซียม คาร์บอนเนต และ ทอรีน กับอาหารเสริมอื่นๆ ด้วย

4. ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ค่อยๆ เติมน้ำดื่มเพื่อให้ผสมง่ายขึ้น

5. นำไปบรรจุในกล่องอาหาร กล่องแก้วหรือพลาสติกก็ได้ 

* ใครมีเครื่องชั่งน้ำหนักจะตวงให้น้ำหนักเท่ากันทุกกล่องด้วยก็ดีนะ จะได้รู้ปริมาณอาหารที่แน่นอน

6. นำไปแช่ตู้เย็นช่องแช่แข็งทันที เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ

แนะนำหลังทำบาร์ฟ

นี่คือสภาพหลังจากทำอาหารแมวเสร็จแล้ว

ข้อควรระวัง

• ใครที่ใช้เครื่องบด อย่าปล่อยให้เศษเนื้อติดจนแห้งแข็งเชียวนะ แล้วก็ควรรีบล้าง เช็ดให้แห้ง ทาน้ำมันพืชเพื่อกันสนิมขึ้น ดูวิธีทำความสะอาดเครื่องบดเนื้อได้ที่นี่
• ควรแช่อาหารทิ้งไว้ในช่องแช่แข็งอย่างน้อย 3 วัน เพื่อฆ่าเชื้อและพยาธิ
• ควรละลายอาหารในช่องแช่เย็นปกติ แต่ถ้าละลายไม่ทัน ไม่ควรนำไปอุ่นในไมโครเวฟหรือทำให้สุก
• อาหารที่ละลายแล้ว ไม่ควรนำกลับไปแช่แข็งใหม่
• อาหารที่เหลือ ทิ้งไว้เกิน 30 นาที ไม่ควรเก็บไว้เสิร์ฟเป็นมื้อต่อไป

วิธีละลายบาร์ฟก่อนเสิร์ฟ

• วิธีละลายแบบปกติ: นำอาหารมาแช่ในช่องแช่เย็นปกติ แช่ทิ้งไว้ข้ามคืนให้อาหารค่อยๆ ละลาย
• วิธีละลายแบบด่วน: นำอาหารที่จะละลายใส่ถุงพลาสติกซิปล็อค แล้วนำไปแช่น้ำอุ่น (อุณหภูมิไม่เกิน 40 °C) ทิ้งไว้จนละลาย

สุดท้ายนี้

หากคุณอ่านบทความยาวๆ นี้จนจบแล้วรู้สึกท้อ 

เราขอให้คุณอย่าถอยแล้วสู้ต่อไป 

คิดซะว่าเราทำเพื่อสุขภาพเหมียว

การทำอาหารบาร์ฟอาจจะไม่ง่าย 

แต่ถ้าคุณทำได้ก็เท่ากับว่าเจ้าเหมียวจะอยู่เคียงข้างคุณไปอีกนาน

ขอให้ทุกท่านโชคดี

หากคุณมีคำถามเรายินดีให้คำปรึกษาผ่านทาง Line: @kyosane

แต่ถ้าคุณเจอปัญหาดังต่อไปนี้...

ไม่มีเวลาทำบาร์ฟ

ไม่มีที่เก็บบาร์ฟ

รอบาร์ฟละลายไม่ไหว

ต้องเดินทางบ่อย พกบาร์ฟไม่สะดวก

แต่ก็ยังยืนยันว่าอยากให้แมวทานบาร์ฟ

"บาร์ฟฟรีซดราย" อาจเป็นอีกทางเลือกที่เหมาะสำหรับคุณ

ทางเราก็มีจำหน่าย ลองไปส่องกันดูได้ "บาร์ฟฟรีซดราย Kyosane"

หรือส่องผ่านทาง Line Shopping

หรือส่องผ่านทาง Shopee

ส่องเกี่ยวกับเราเพิ่มเติมได้ที่ Facebook และ Instagram