อาหารเม็ด VS อาหารบาร์ฟฟรีซดราย

เคยสงสัยกันบ้างมั้ย ว่าจะมีอาหารบาร์ฟฟรีซดรายไปทำไม?

เพราะให้อาหารเม็ดก็สะดวกดีอยู่แล้ว เราจะจ่ายแพงกว่าไปเพื่ออะไร

ถ้าคุณอยากรู้ต้องอ่านต่อ...

ถ้าพูดถึงเรื่องความสะดวก แน่นอนว่าอาหารเม็ดชนะขาดลอย แต่ถ้าเราจะเปรียบเทียบกันแบบแฟร์ๆ 

เทียบกันที่ราคา น้ำหนัก และสารอาหารด้วย คงจะน่าสนใจไม่น้อย 

งั้นเรามาเริ่มเปรียบเทียบกันเลยดีกว่า

บาร์ฟฟรีซดรายและอาหารเม็ดมีอะไรคล้ายๆ กันอยู่อย่างนึง นั่นก็คือ ทั้งคู่เป็นอาหารที่มีความชื้นต่ำ

ทำให้สามารถเก็บได้เป็นเวลานานมากถึง 2 ปี โดยที่ไม่ต้องแช่เย็น

โดยที่อาหารเม็ดจะมีความชื้นอยู่ที่ไม่เกิน 10% ส่วนบาร์ฟฟรีซดรายจะมีความชื้นไม่เกิน 3%

ถ้าเราจะเปรียบเทียบกันที่ความชื้นที่มีอยู่ แน่นอนว่าอาหารเม็ดมีเยอะกว่าย่อมดีต่อสุขภาพแมวมากกว่า

แต่ช้าก่อน!

บาร์ฟฟรีซดรายนั้นไม่ได้ผลิตมาเพื่อให้แมวกินแบบแห้งๆ หรอกนะ 

แต่ผลิตมาเพื่อให้ตอบโจทย์ชีวิตที่เน้นความสะดวกเป็นหลัก

การฟรีซดรายจะทำให้เราสามารถเก็บอาหารสดได้นานยิ่งขึ้น เก็บได้ง่ายขึ้น มีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก 

และที่สำคัญ อาหารสดที่ดูเหมือนจะแห้งกรอบ สามารถกลับมาคงรูปสดใหม่ได้เหมือนเดิมเพียงแค่คุณเติมน้ำลงไป

แค่นี้แมวของคุณก็จะมีอาหารบาร์ฟที่สดใหม่ไม่ต่างจากบาร์ฟแช่แข็งแล้ว

แล้วอาหารบาร์ฟฟรีซดรายดีกว่ายังไงในเมื่อเราก็ให้อาหารเม็ดผสมน้ำก็ได้?

นั่นน่ะสิ เราเชื่อว่าหลายท่านอาจสงสัยและแอบคิดแบบนี้บ้างเหมือนกัน

ถ้าอย่างนั้น เราจะมาทบทวนความแตกต่างกันระหว่างอาหารเม็ดและอาหารบาร์ฟอีกที

อาหารเม็ด ไม่ว่าจะเกรดไหนก็ตาม จะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันหมดซึ่งก็คือ มันคืออาหารที่ผ่านการปรุงสุกแล้ว

แล้วนั่นหมายความว่าอะไร?

อาหารที่ผ่านความร้อนทุกชนิดจะสูญเสียคุณค่าทางสารอาหาร ไม่ว่าจะเป็น วิตามิน แร่ธาตุ 

และเอนไซม์ (ตัวช่วยร่างกายดูดซึมสารอาหาร)

เคยสังเกตมั้ย เวลาคุณอ่านส่วนผสมด้านหลังหรือข้างถุง คุณจะเห็นชื่อ วิตามิน แร่ธาตุ และสารอะไรต่างๆ ที่บางทีคุณก็อ่านไม่ออกยาวเหยียดจนตาลาย นั่นก็เพราะว่าเขาใส่เพิ่มไปเพื่อทดแทนสิ่งที่หายไป

ส่วนอาหารบาร์ฟฟรีซดรายเป็นอาหารที่ผ่านความเย็นในระยะเวลาอันสั้น (สั้นยิ่งกว่าแช่แข็งในตู้เย็นทั่วไป) และผ่านกระบวนการรีดน้ำออกด้วยระบบสูญญากาศทำให้เหลือความชื้นไม่ถึง 3% เมื่อไม่ผ่านความร้อน สารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ เอนไซม์จึงอยู่ครบ ไม่จำเป็นต้องเติมอะไรเพิ่มทั้งสิ้น อาหารย่อยง่าย ร่างกายดูดซึมสารอาหารง่าย แถมมีน้ำหนักเบากว่าอาหารเม็ดด้วย

กลับมาที่อาหารเม็ดอีกครั้ง พึงระวังไว้สิ่งที่คุณเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเม็ดเกรดไหนก็ตาม 

นั่นก็คือ “คาร์โบไฮเดรต”

หลายคนอาจคิดว่าคาร์โบไฮเดรตเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายแมว 

แต่ช้าก่อน...

แมวเป็นสิ่งมีชีวิตที่กินเนื้อไม่ใช่หรือ?

คุณเคยเห็นเสือกินข้าว แป้ง มัน หรือธัญพืชเป็นอาหารมื้อหลักหรือไม่?

นั่นแหล่ะค่ะคือคำตอบ

คาร์โบไฮเดรตเป็นสิ่งที่ร่างกายแมวนำไปเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ยาก

และส่วนใหญ่ได้รับในปริมาณที่มากเกินไปจนร่างกายใช้ไม่ทัน 

ซึ่งทำให้เกิดการสะสมกักตุนพลังงานไว้ในรูปแบบไขมัน

ไขมันสะสมเยอะ = แมวหุ่นอวบๆ อ้วนๆ

เขาอาจดูน่ารักในสายตาคุณ แต่มีผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าที่เห็นค่ะ

ถ้าคาร์โบไฮเดรตไม่มีประโยชน์แล้วทำไมอาหารเม็ดถึงต้องใส่คาร์โบไฮเดรตล่ะ?

เพราะว่าการอัดเม็ดขึ้นรูปโดยไม่พึ่งอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตเป็นเรื่องที่ยาก 

คาร์โบไฮเดรตจะเป็นตัวช่วยยึดส่วนผสมให้ติดกันเป็นก้อน 

ถ้าไม่มีคาร์โบไฮเดรต อาหารที่ผ่านการปรุงสุกจนแห้งจะแตกร่วนเป็นผง

ถ้าเทียบกับอาหารบาร์ฟฟรีซดรายซึ่งไม่มี หรือแทบจะไม่มีส่วนผสมของคาร์โบไฮเดรตเลย 

ก้อนอาหารจะแตกเป็นผงได้ง่ายกว่ามาก

บาร์ฟฟรีซดรายแค่ออกแรงบินิดหน่อยก็แตกเป็นผงแล้ว 

ส่วนอาหารเม็ดนั้นอัดมาแน่นแข็งมาก บิด้วยมือเปล่าก็ไม่แตกเป็นผง

เรามาสรุปกันอีกทีดีกว่า

เมื่อเทียบอาหารทั้ง 2 ชนิด

อาหารเม็ดจะมีข้อได้เปรียบเรื่องความสะดวกเป็นหลัก

ส่วนอาหารบาร์ฟฟรีซดรายจะมีข้อได้เปรียบเรื่องสารอาหารครบกว่า 

ไม่มีคาร์โบไฮเดรต และน้ำหนักเบากว่าเหมาะกับการพกพา

ส่วนเรื่องราคา ถ้าจะเทียบกันที่ราคาถูกกว่าเป็นหลัก อาหารเม็ดถูกกว่าแน่นอน

แต่ถ้าคุณเลือกอาหารที่คุณภาพเป็นหลัก ซึ่งแน่นอนว่า "ดีกว่าย่อมแพงกว่า"

เราอยากให้คุณไปลองชั่งใจดูว่าการลงทุนเพื่อซื้อของที่ดีกว่ามันคุ้มค่าสำหรับคุณหรือไม่?

ถ้าใช่ “บาร์ฟฟรีซดราย” อาจตอบโจทย์คุณที่สุด

หากคุณสนใจ ทางเราก็มีจำหน่าย 

ลองไปส่องกันดูได้ "บาร์ฟฟรีซดราย Kyosane"

หรือสั่งซื้อผ่านทาง

Line Shopping

 Shopee

ส่องเกี่ยวกับเราเพิ่มเติมได้ที่ Facebook และ Instagram

ติดต่อและสอบถามเราได้ที่ Line ID: @kyosane